Custom Search
##=================================================================## ##=================================================================##

มารู้จัก Smart TV กัน

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Smart TV คืออะไร ??


       Smart TV  คือ TV ที่ฉลาด  สามารถใช้งานได้หลากหลายมากกว่า TV ปกติเดิมๆ ของเรานั่นเอง

เมื่อก่อนทีวีที่ใช้กันตามบ้านก็มีการใช้งานเพียง ดูละคร ดูหนัง ดูข่าว เท่านั้น ยังไม่มีฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้หลากหลายต้องพึ่งแหล่งข้อมูลจากภายนอกเพียงอย่างเดียวในการแสดงผลเช่น เครื่องเล่น DVD เครื่องเกมส์ Console ต่างๆ       แต่ใน  นั้นมีความสามารถอื่นๆเพิ่มเข้ามามากมาย  โดยส่วนใหญ่แล้วความสามารถทั้งหมดจะใช้งานได้ด้วยการท่องไปในโลกออนไลน์ แต่ก็ไม่ได้จำกัดแค่การเชื่อมต่อ Internet เพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการใช้งานอื่นๆเช่นการเล่นเกมส์ ( โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ Internet ) การลงแอพพลิเคชั่นต่างๆ มาใช้งาน ซึ่งในแต่ละแบรนด์จะมีความสามารถในการใช้งานและชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป



   














Smart TV , Internet TV นั้น ย่อมต้องการ Internet เข้ามาเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานอัพเดทข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ การใช้งานเว็บบราวเซอร์ หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาใช้งานในตัวเครื่อง ซึ่งทีวีแต่ละรุ่นก็มีการเชื่อมต่อไม่เหมือนกัน มาดูกันครับว่าสามารถเชื่อมต่อได้อย่างไรบ้าง

ประเภทของการเชื่อมต่อ Internet ของ Smart TV , Internet TV แบ่งได้ 3 ประเภทก็คือ


1. เชื่อมต่อผ่านสาย LAN  ( Wired - ใช้สาย ) 2. เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi Adapter USB  ( Wireless - ไร้สาย )3. เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi Built-in ในตัวเครื่อง ส่วนมากจะมีในเฉพาะรุ่นสูงๆเท่านั้น  ( Wireless - ไร้สาย )

ซึ่งหลังจากเชื่อมต่อผ่าน WiFi ในวงเดียวกันแล้วบางรุ่นจะมีความสามารถในการแชร์ไฟล์จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆเช่นเพลง วีดีโอต่างๆ เพื่อมาแสดงผลทางหน้าจอทีวีได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Notebook , กล้องถ่ายรูป Digital , โทรศัพท์ Smart Phone รุ่นต่างๆ

iPad 2 เล่น Adobe Flash 11 (และ HTML5) ด้วย OnLive Desktop Plus

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Internet Explorer 9 รันบน iPad 2 ได้แล้ว รองรับ Adobe Flash 11 (และ HTML5) เต็มรูปแบบ

 วันนี้มีอีกหนึ่งทางเลือก วิธีทำ iPad 2 ให้เล่น Flash ได้ มาฝากครับ  ด้วย App OnLive Desktop Plus
OnLive Desktop Plus โปรแกรมจำลอง Windows 7 บน Cloud ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนก่อน จุดเด่นอยู่ที่การรองรับ Adobe Flash 11 (และ HTML5) เต็มรูปแบบ เข้าชมวิดิโอที่เป็นแฟลช Flash Vido  , ทำให้ iPad2 เล่นเกมส์ Flash บน Facebook ได้ (flash Games Facebook on iPad2), ดูแบนเนอร์ flash - หน้าเว็บได้สบายๆ จากผลทดสอบของ Engadget พบว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ เพียงไม่สามารถโหลดอะไรมาลงได้ รวมถึงอัพเดท Java, Sliverlight เท่านั้นเอง


 แต่เจ้า OnLive Desktop Plus ไม่ฟรีนะครับ   มีค่าบริการ 4.99 เหรียญ/เดือน พร้อมพื้นที่ Cloud Storage 2GB ใครคิกว่าคุ้มค่าก็โหลดใช้งานได้แล้ววันนี้ผ่าน App Store 


ไว้เดี๋ยวผมทดลองใช้งานเจ้า App OnLive Desktop Plus จะมา Review OnLive Desktop Plus อย่างละเอียดอีกทีนะครับ  หรือแวะเข้าไปชมรีวิวได้ที่ เว็บรีวิว App iPhone iPad

มารู้จักกับ Peer to Peer กัน

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

 วันนี้ขอเสนอเรื่อง  P2P (Peer to Peer) 
มาดูกันว่า  P2P (Peer to Peer) คืออะไร

ในตอนนี้หลายๆคนคงได้ยินคำว่า "Bit","Torrent","P2P" ฯลฯ จากที่อื่นๆ และก็คงสงสัยว่า
ไอเจ้าพวกนี้มันคืออะไรทำงานอย่างไร และมันวิเศษวิโสอย่างไร ทำไมถึงมีการพูดถึงกันนักหนา
วันนี้เราจึงจะมาทำความรู้จักมันกันครับแต่ที่สำคัญก่อนอื่นเลยเราต้องมารู้จักกับคำว่า "P2P" กันก่อนครับ
P2P หรือเต็มๆ Peer to Peer อาจจะมีคำอื่นอีกเช่น People to People ,Point to Point ซึ่งมีความหายคล้ายคลึงกัน
Peer to Peer คือ ...
- ระบบที่อนุญาติให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันหรือใช้ทรัพยากรร่วมกันผ่านระบบเครือข่าย
- ระบบการสื่อสารจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยตรง
- ฯลฯ
แต่เดิมนั้นเมื่อเราต้องการดาวน์โหลดไฟล์จากแม่ข่ายโดยใช้ FTP*,HTTP** นั้น
หากมีคนที่ต้องการไฟล์เดียวกับเรา 500 คนมาดาวน์โหลดบนแม่ข่ายเดียวกันพร้อมๆ กันโดยแต่ละคนมี Bandwidth คนละ 256kbps
ถ้าจะให้ทุกคนนั้นได้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดตัวแม่ข่ายจะต้องมี Bandwidth เท่ากับ 256kbps * 500 (125mbit) เลยทีเดียว

http://siambit.com/include/Pic/central.gif

ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่จะเปลือง Bandwidth เท่านั้น แต่ยังจะต้องใช้แม่ข่ายที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงเพื่อรองรับความต้อง การที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
จากปัญหาดังกล่าวนี้เองทำให้โปรแกรมแชร์ไฟล์ P2P ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยใช้ทรัพยากรของแม่ข่ายให้ น้อยลงนั้นเอง
ระบบ P2P นั้นถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยที่ไม่พึ่งแม่ข่ายใน การแจกจ่ายไฟล์และทำให้สามารถหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
*FTP = File Transfer Protocal
**HTTP = Hypertext Transfer Protocal

จากความหมายนี้เองทำให้เราเรียกโปรแกรมที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยไม่ได้ร้องขอไฟล์จากแม่ข่ายว่า "P2P File Sharing"
โปรแกรมประเภทนี้มีอยู่มากมายหลายตัวด้วยกัน เช่น Emule, Kazaa, Edonkey ฯลฯ หลักการทำงานคร่าวๆของโปรแกรมก็คือ
1.เชื่อมต่อไปยังแม่ข่ายเพื่อยืนยันตัวตนและส่งสารบัญไฟล์ที่เราแชร์ไว้ไปด้วย
2.หากเราต้องการหาไฟล์สักไฟล์หนึ่งเมื่อเราระบุ Keyword** โปรแกรมจะส่งคำร้องไปยังแม่ข่าย
จากนั้นแม่ข่ายจะส่งรายชื่อไฟล์พร้อมข้อมูลตัวตนของคนที่มีไฟล์ที่ตรงกับ Keyword ที่เราระบุกลับมา
3.เมื่อเราพบไฟล์ที่ต้องการแล้วตัวโปรแกรมจะใช้ข้อมูลที่ได้จากแม่ข่ายติดต่อไปยังคนนั้นๆโดยตรงเพื่อร้องขอไฟล์
จากการทำงานจะเห็นได้ว่าตัวแม่ข่ายนั้นไม่ได้เป็นคนเก็บไฟล์จริงๆไว้เพียงแต่เก็บเป็นสารบัญไว้เท่านั้น
**Keyword = คำหรือประโยคหรือที่ระบุเพื่ออ้างอิงในระบบการค้นหา

>>>>>>>>>>>>>>
>>>>>>>>>>>>>>
http://siambit.com/include/Pic/torrent.png
BitTorrent

หลังจากที่ได้พูดถึงเรื่อง P2P ทั่วไปแล้วตอนแรก อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเริ่มเข้าใจหลักการทำงานคร่าวๆของ P2P
ไม่มากก็น้อยกันแล้วนะครับ แต่ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดี "ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ไปมันทุกอย่าง" หรือเรียกว่า "Perfect" ทุกๆ อย่างต้องมีจุดอ่อน
ถึงแม้ว่า P2P ที่ว่า จะแก้ปัญหาจุดอ่อนเรื่อง Bandwidth และทรัพยาการเครื่องแม่ข่ายที่สูงได้ แต่ถึงกระนั้นความเร็วที่ได้ก็ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลย
เนื่องจากความเร็วที่ได้นั้น จะได้จากจากเชื่อมต่อผู้ใช้ด้วยกันเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความเร็ว Internet ในการรับส่ง ของผู้ใช้ตามบ้านนั้นไม่ได้เร็วเหมือนเครื่อง
ที่ใช้เป็นแม่ข่ายโดยซึ่งเฉพาะที่จะตั่งอยู่ใน ISP ซึ่ง Bandwidth อย่างต่ำๆ นั้นเป็น 100Mbit และผู้ใช้เอง ส่วนมากนั้นก็จะเห็นแก่ตัว
คือไม่ปล่อยให้ตัวโปรแกรมส่งแบบเต็มๆ Bandwidth ที่มีจะกั้กเอาไว้ (มีน้อยแล้วยังจะกั้กอีก) ส่วน Bandwidth ดาวน์โหลดนั้นดันเปิดไว้เต็มๆ เอากับเขาสิ...
ทำให้โปรแกรมประเภท P2P ที่กล่าวมานั้นความเร็วที่ได้จะขึ้นอยู่กับว่าคนที่มีไฟล์ที่เรากำลังโหลด อยู่นั้นมีความเร็วในการส่งข้อมูลให้เรามากแค่ไหน (กั้กอีกแค่ไหน)
รวมถึงมีคนที่มีไฟล์เดียวกับเรานั้นมีมากแค่ไหน ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเร็วที่ได้นั้นมีเงื่อนใขหลายอย่างประกอบกันมากพอสมควร

ถึงตรงนี้ Bittorrent ก็กำเนิดขึ้นมาซึ่งมีการทำงานแตกต่างจาก P2P ทั่วไปอยู่เล็กน้อยแต่ก็ทำให้ความเร็วที่ได้นั้น
นำหน้า P2P ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวและมีความถูกต้องของข้อมูลสูงรวมถึงทำให้ ทุกคนรู้จักถึงคำว่า "แบ่งปัน" หรือ "give and take" นั้นเอง
เราคงจะข้ามความเป็นมาของ Protocal* Bittorrent เนื่องจากมีสาเหตุเดียวกันกับ P2P ทั่วไปแต่คงจะขาดชื่อของผู้คิดระบบนี้ไปไม่ได้
ชื่อของเขาก็คือ "Bram Cohen"

>>>>>>>>>>>>>>
>>>>>>>>>>>>>>
http://siambit.com/include/Pic/download.png
การดาวโหลด (Download)

เริ่มจากท่านหาไฟล์ที่ท่านต้องการโดยการเข้าไปในหน้าของ Torrents
ในที่นี้จะใช้โปรแกรม BitComet เป็นหลักโดยสามารถหาโปรแกรมนั้นได้จากเวป BitComet.com

เมื่อดาวโหลดไฟล์ Torrent ที่ต้องการมาแล้ว เปิดโปรแกรม Bitcomet (ใช้โปรแกรมอื่นก็ได้นะค่ะ แต่ในที่นี้ใช้ Bitcomet)
- กด Open
- เลือกไฟล์ Torrent ที่ได้โหลดมาเมื่อกี้
- กดปุ่ม Open เมื่อเลือกได้แล้ว

http://siambit.com/include/Pic/download2.gif

จะมีหน้าต่าง Task Properties… ขึ้นมา

Save Location
- เลือกว่าจะไป Save ไว้ที่ไหน ระวังเรื่องพื้นที่ด้วย ถ้าไม่พอเก็บเดี๋ยวจะซวยที่หลัง

Torrent Content
- แสดงไฟล์ที่จะโหลด สามารถเลือกโหลดได้ ถ้าไม่อยากได้ไฟล์ไหนก็สามารถติ๊กออกได้
- แสดงรายละเอียดหรือข้อความที่ผู้สร้างไฟล์ Torrent เป็นผู้เขียนไว้
กด OK เมื่อเลือกเสร็จแล้ว

http://siambit.com/include/Pic/download3.gif

http://siambit.com/include/Pic/download4.gif

เริ่มโหลด และ สถานะที่ควรทราบ
1. ก็คือตัว BitComent กำลังติดต่อไปที่ Tracker เพื่อขอรายการ IP
หากสถานะนี้คงอยู่นานเป็นไปได้ว่า Tracker มันกลับบ้านเก่าไปแล้ว...
2. BitComent ได้รายการ IP มากจากขั่นที่ 1 เรียบร้อยแล้วและกำลังที่จะติดต่อไปหาคนอื่นๆจากรายการ IP ที่ได้มา
หากสถานะนี้อยู่นาน เป็นไปได้ว่าไม่มีคนกำลังโหลดไฟล์นี้อีกต่อไปแล้วให้ทำใจลบทิ้งไปเลย


การโหลดไฟล์จาก BitTorrent นี้จะใช้รายการ IP ที่ได้จาก Tracker ซึ่งก็เป็น IP ของคนที่กำลังโหลดอยู่
สามารถแยกได้ 2 ประเภทก็คือ Peer และ Seed
Peer - คือคนที่กำลังโหลดไฟล์อยู่แต่ยังไม่เสร็จ (ขณะที่เรายังโหลดไม่เสร็จก็คือ Peer)
Seed - คือคนที่โหลดไฟล์เสร็จแล้วแต่ยังปล่อยให้ Peer คนอื่นๆมาโหลดจากตัวเอง


3 - BitComent ทำงานเป็นปรกติและกำลังดาวน์โหลดไฟล์ในรายการที่แสดงอยู่...
ขณะกำลังดาวน์โหลดสถานะหมายเลข 3 จะอยู่ตลอดจนเสร็จสิ้น...

http://siambit.com/include/Pic/download5.gif

คำอธิบายแถบสถานะ
Name - ชื่อ Torrent
Size - ขนาดรวมทั้งหมด
% - จำนวนเปอร์เซ็นต์ของไฟล์ที่เราโหลดได้
KB/s Dn - ความเร็วในการดาวน์โหลด
KB/s Up – ความเร็วในการอัพโหลด
Time Left - เวลาที่จะใช้ในการดาวน์โหลดจนเสร็จสิ้น (จากการคำนวณ)
Seed/Peer[all] - จากในรูปนะครับ 109/160[190/2878]
109 - ติดต่อไปหาคนที่เป็น Seed 109 คนจากทั้งหมด 109 คน
160 - ติดต่อไปหาคนที่เป็น Peer 160 คนจากทั้งหมด 2878 คน
U/D Ratio - อัตราส่วนอัพโหลดต่อดาวน์โหลด


*ความเร็วในการดาวน์โหลดนั้นขึ้นอยู่กับ Seed/Peer ต่ออยู่และความเร็วที่เราอัพโหลดให้คนอื่น
แต่ก็มีข้อควรรู้บางประการที่อยากจะบอกไว้เป็นเคล็ดไม่ลับที่ควรจะนำไปใช้ก็คือ...
การจำกัดความเร็วในการอัพโหลดอย่าให้เกินกำลังของ Bandwidth ที่เรามีเพื่อให้สามารรับส่งข้อมูลได้
อย่างราบลื่นไม่ติดขัดอันจะส่งผลให้โหลดได้ช้ากว่าปรกติ
โดยการคลิ้กที่เมนู Options แล้วไปที่ Preferences

http://siambit.com/include/Pic/download6.gif

เลือกแถบ Connection แล้วทำการระบุความเร็วสูงสุดในการอัพโหลดในช่อง Global Max Upload Rate :
จะคำนวณได้โดยนำความเร็วของขาขึ้นของ Internet ที่ใช้อยู่ เช่น
ผมใช้ ADSL 1024/512 Kb/s ความเร็วขาขึ้นของผมก็คือ 512 Kb/s
ก็คือผมจะสามารอัพโหลดได้สูงสุด 512 Kb/s ผมจะจำกัดความเร็วในการอัพโหลดสูงสุดของ BitComet
ไว้ที่ 70% จากทั้งหมดที่มี คำนวณได้โดย (512/100*70) = 358.4 Kb/s เปลี่ยนจากหน่วย Kb/s เป็น KB/s + 2Bits(start/stop bits)
โดย (358.4/10) = 35.8 kB/s ครับ


เสร็จสิ้น
เมื่อเราดาวน์โหลดเสร็จเราจะแปลงสภาพจาก Peer กลายเป็น Seed

http://siambit.com/include/Pic/download7.gif

โดยมารยาทแล้วเมื่อเราดาวน์โหลดเสร็จ จะเป็นการดีถ้าเราสามารปล่อยอัพโหลดหรือที่เรียกกันว่า Seed
จน U/D Ratio ขึ้นมาอย่างน้อย 1.0 ก่อนที่จะปิด/ลบออกไป

วิธีการปิด / ลบ รายการดาวน์โหลด
ทำได้โดยเลือกที่รายการ torrent ที่ต้องการแล้วคลิ้กขวา remove

http://siambit.com/include/Pic/download8.gif

จะมีให้เลือก 2 อย่างคือ
- Remove task only จะเป็นการลบรายการ Torrent นั้นออกจากตัว BitComet แต่จะคงไฟล์ที่โหลดไว้ที่เดิม
- Remove task and files จะเป็นการลบรายการ Torrent ออกนั้นจากตัว BitComet และลบไฟล์ที่โหลดทิ้งด้วย

>>>>>>>>>>>>>>
>>>>>>>>>>>>>>
http://siambit.com/include/Pic/upload.png
การอัพโหลด (Upload)

ในที่นี้เราจะใช้โปรแกรม BitComet ในการทำตัว Upload นะค่ะ
ใครยังไม่มีให้ไปโหลดได้ที่ http://www.bitcomet.com
ถ้ามีครบแล้วเรามาเริ่มกันเลย
กดปุ่ม "สร้าง"

http://siambit.com/include/Pic/bit01.gif

http://siambit.com/include/Pic/bit02.gif

1. แบบไฟล์เดี่ยว - มีไฟล์เดียวที่ต้องการนำมาทำไฟล์ Torrent
แบบไดเรคทอรี่(หลายไฟล์) - เลือกทั้ง Folder
2. เลือกไฟล์หรือ Folder
3. ใส่แทรคเกอร์ สามารถเอาได้จากหน้า Upload ในเว็บ
4. ที่บันทึกไฟล์ Torrent ที่เราสร้าง
5. กด OK เมื่อใส่รายละเอียดเรียบร้อยแล้ว

http://siambit.com/include/Pic/bit03.gif

http://siambit.com/include/Pic/bit04.gif

หลังจากนั้นให้เข้ามาในเว็บหน้า Upload ใส่รายละเอียดอธิบายลงไป แล้วก็กด "ทำการอัพโหลด"
หลังจากนั้นกลับไปที่โปรแกรม BitComet เลือก "เริ่ม" ถ้ายังไม่มีคนโหลด ลูกศรจะชี้ซ้ายขวาสีน้ำเงิน แต่ถ้ามีคนโหลดลูกศรก็จะเป็นสีส้ม
*การอัพโหลด ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างทั้งตัวผู้อัพและผู้โหลด ถ้าผู้โหลดสามารถโหลดได้น้อย ผู้อัพก็อัพได้น้อย
*ระวังตำแหน่งที่เซฟ ไม่ตรงกับที่เก็บไฟล์นั้นๆ

อ้างอิงจาก..http://siambit.com/faqp2p.php

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เสริมอีกนิด  กับ Bittorrent

Logo Bittorrent Bit torrent (BitTorrent) เป็นโพรโทคอลรูปแบบ peer-to-peer ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันโดยตรง ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีต้นกำเนิดมาจากความคิดของ นายแบรม โคเฮน (Bram Cohen) ที่ต้องการให้การส่งผ่านข้อมูลสามารถอำนวยประโยชน์ได้ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งเขาเริ่มพัฒนามันขึ้นมาตั้งแต่เดือน เมษายน ค.ศ. 2001 โดย โพรโทคอลในรูปแบบนี้เองเป็นที่ของแหล่ง โหลดฟรี ต่าง ๆในปัจจุบัน

หลักการทำงานของโปรแกรม bittorrent

เครือข่ายของการใช้โปรแกรม bittorrent นั้นเป็นลักษณะโยงใยถึงกันหมด ทุกเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถรับส่งไฟล์ถึงกันได้ตลอดเวลา โดยในทาง Bittorrent นั้นจะเรียกคอมพิมเตอร์ที่รับส่งข้อมูลว่า เพียร์ (Peer) ซึ่งทุกเครื่องจะเป็นทั้ง ผู้รับ ( Leecher ) และ ผู้ให้ ( Seeder )
เมื่อ ไฟล์เริ่มต้นเผยแพร่มาจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เครื่องอื่นๆ ที่ต้องการไฟล์ (หรือผู้ที่รอโหลดอยู่นั่นเอง) ก็จะค่อย ๆ ได้รับชิ้นส่วนไฟล์ไปทีละชิ้นทีละชิ้นแบบสุ่ม เหมือนภาพต่อจิ๊กซอว์
ทันที ที่ได้รับชิ้นส่วนไฟล์มา คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็สามารถส่งต่อชิ้นส่วนไฟล์ที่ได้รับมาแล้วให้ เครื่องอื่นที่ยังไม่มีได้ทันที ไม่ต้องรอให้ตัวเองได้ชิ้นส่วนไฟล์จนครบ 100% เสียก่อน เป็นลักษณะของการเติมเต็มให้กัน ชิ้นส่วนไฟล์ตรงใหน ที่ขาดไป สุดท้ายแล้วก็จะได้รับมาจากคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่ายใน ที่สุด ด้วยสาเหตุนี้เอง โปรแกรม bittorrent จึงสามารถทำให้การส่งผ่านข้อมูลสามารถอำนวยประโยชน์ได้ทั้งขาเข้าและขาออก
แสดงขั้นตอนการทำงานของ bittorrent ในภาพนี้, แถบสีภายใต้เครื่องลูกข่ายทั้ง หมดแสดงถึงชิ้นส่วนของไฟล์ หลังจากชิ้นส่วนของไฟล์ได้ถูกส่งจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งแล้วไปยังอีก เครื่องแล้ว ชิ้นส่วนไฟล์นั้นก็จะถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ จนครบทุกเครื่อง ดังนั้นผู้ส่งไฟล์ต้นฉบับมีหน้าที่เพียงส่งสำเนาของไฟล์เพียงฉบับเดียวเพื่อ ให้เครื่องลูกข่ายได้รับสำเนาของไฟล์ทั้งหมด
แสดงการทำงานของ bittorrent ที่มี tracker เครือข่ายของbittorrent นั้นมีลักษณะโยงใยถึงกันหมด มีแทรคเกอร์ (tracker) ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเก็บข้อมูลและสถิติต่างๆ ของผู้ร่วมใช้งาน, เสมือนประธานผู้ควบคุมการประชุม อย่างไรก็ตาม โปรแกรมบิททอร์เรนท์บางแบบ ไม่จำเป็นต้องมีแทรคเกอร์

การใช้งานเว็บบิท

ก่อนการใช้งานต้องมีโปรแกรมที่เรียกว่า Bittorrent Client ก่อน ตัวอย่างเช่น Bitcomet , uTorrent ( แนะนำตัวนี้ครับ ) หลังจากนั้นจึงจะสามารถไปดาวน์โหลดไฟล์จาก เว็บบิท ต่างๆ ได้ โดยในปัจจุบันเว็บไซต์ bittorrent ( เว็บบิท ) มี 2 ประเภท คือ เว็บบิท bittorrent เปิด และ เว็บบิท bittorrent ปิด
เว็บบิท bittorrent เปิด ( โหลดฟรี ) คือเว็บไซต์ bittorrent ที่บุคคลทั่วไปทั่วไปหรือสมาชิกที่ผ่านเข้าไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ โดยไม่มีเงื่อนไขและไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกที่เว็บไซต์นั้นๆ และเว็บบิทนี้จึงเป็นที่มาของ การโหลดฟรี
เว็บบิท bittorrent ปิด ( คิด Ratio , อาจมีโหลดฟรี ขึ้นอยู่กับเว็บ ) คือเว็บไซต์ bittorrent ที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ได้ โดยจะต้องเป็นสมาชิกก่อนเท่านั้น และในบางเว็บไซต์จะไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ ถ้าสมาชิกยังไม่ได้อัปโหลด โดยจะมีการคำนวณ ปริมาณการอัปโหลดต่อดาวน์โหลดเป็น Ratio โดยแต่ละเว็บไซต์จะกำหนด Ratio ขั้นต่ำในการดาวน์โหลดไฟล์แตกต่างกัน แต่มีบางเว็บไซต์ ที่จะมี option ให้ โหลดฟรี เหมือนกัน

สรุปคำศัพท์ที่นิยมใช้ใน เว็บบิท , bittorrent

เพียร์ ( Peer ) คือ จำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ รับส่งข้อมูลระหว่างกัน โดย ทั้ง เครื่องผู้รับ และ เครื่องผู้ส่ง ทั้งหมดจะเรียกว่า เพียร์ ( Peer )
ผู้ส่ง ( Seeder ) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ทีทำหน้าที่ส่งไฟล์ต้นทาง ( Uploader ) ให้กับผู้รับ หรือ leecher ซึ่ง Seeder นี้จะเรียกว่า "คนปล่อยไฟล์"
ผู้รับ ( Leecher ) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ รับไฟล์ ( Downloder , Leecher ) จากผู้ส่ง โดยเมื่อผู้รับทำหน้าที่รับ ไฟล์จนเสร็จ 100 % ตัวของผู้รับ ( Leecher ) จะกลายเป็นผู้ส่งไฟล์ ( Seeder ) นั้นต่อไปยัง ผู้รับ อื่น ๆ ต่อไป
อัตราส่วน ( Ratio ) คือ ค่าการ Upload รวม หารด้วย ค่าการ Download รวม ของผู้เล่นบิท ( ค่า Upload / ค่า Download = Ratio ) โดยในเว็บบิทแบบปิด อัตราส่วน ( Ratio ) นี้ จะใช้วัดว่า ผู้ใช้สามารถมีสิทธิ์ โหลดไฟล์ในระบบได้หรือเปล่า ซึ่งแต่ละเว็บบิทจะคิดค่า Ratio นี้ต่างกัน โดยเว็บบิทแบบปิด ส่วนใหญ่จะคิดค่า Ratio > 0.5 ถึงจะมีสิทธิ์โหลดไฟล์ได้ ส่วนเว็บบิทแบบเปิด ส่วนใหญ่จะ โหลดฟรี และไม่ได้ใช้ค่า Ratio ในการกำหนดสิทธิ์โหลดไฟล์ 

เครดิตจาก--->>> วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เพิ่มเติมจาก เว็บบิท โทโทโร่